บทที่ 9 คนดีที่เจ็บ (25%)

ปานระพีมายืนโบกแท็กซี่ได้ไม่กี่นาทีฟ้าก็เริ่มครึ้ม ฝนเริ่มลงเม็ด ไม่นานก็ตกหนักขึ้น เธอรีบวิ่งขึ้นรถแท็กซี่คันแรกที่จอดรับ ด้วยเกรงว่าตัวเองจะเผลอปล่อยโฮออกมาให้คนในมหา’ลัยได้เห็น ผู้หญิงตัวอวบๆ ยืนร้องไห้เป็นนางเอกมิวสิคเจ้าน้ำตาท่ามกลางสายฝนคงเป็นภาพที่ไม่น่าดูนัก

หลังจากบอกจุดหมายคนขับ หญิงสาวก็ยกมือขึ้นปิดหน้า แล้วหลั่งน้ำตาออกมาเงียบๆ การเรียนแพทย์ทำให้ปานระพีควบคุมอารมณ์ความรู้สึกได้ดีพอสมควร เพราะต้องฝึกทำจิตใจให้เข้มแข็งพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ และมีความอดทนอดกลั้น แต่ก็อย่างว่าล่ะ ถึงแม้จะเรียนเก่งมากแค่ไหน แต่ปานระพีก็ยังอ่อนต่อโลกอยู่ดี เธอยังทำตัวไม่ถูกกับความเจ็บปวดและผิดหวังที่เพิ่งพานพบ ต่อไปนี้เธอคงต้องเรียนรู้ที่จะโตขึ้น ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด และที่สำคัญเธอควรจะถอยห่างจากมหรรณพตั้งแต่ตอนนี้

คิดมาถึงจุดนี้ปานระพีก็น้ำตาซึมอีกรอบ การถอยห่างจากเขามันไม่ง่ายเลย ก็เธอแอบรักเขามาตั้งนาน แล้วอยู่ๆ จะให้หักดิบอารมณ์มันเป็นไปได้ยากมาก ทุกอย่างคงต้องใช้เวลา

ทันใดนั้นคนที่คิดจะถอยห่างจากผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีก็เหลือบไปเห็นรถสปอร์ตคันหรู ที่ตนเพิ่งมีโอกาสได้นั่งไม่ถึงยี่สิบนาที ก่อนจะถูกถีบหัวส่ง รถของมหรรณพกำลังถูกรถคันหนึ่งขับจี้ตามไม่ลดละ ดูลักษณะแล้วเหมือนจงใจ และเธอก็เริ่มแน่ใจว่ามันไม่ชอบมาพากล เมื่อรถคันดังกล่าวพยายามจะขับเบียดรถของมหรรณพท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาราวกับฟ้ารั่ว ทำเอารถของเขาเกือบเสียหลักหลายครั้ง

“ลุงคะ ช่วยขับตามรถคันนั้นให้หนูหน่อยค่ะ”

ปานระพีเอ่ยพร้อมชี้มือไปยังรถคันข้างหน้าด้วยความร้อนใจ

“มันจะดีเหรอหนู ดูท่าว่ารถสองคันนั้นคงมีเรื่องกันแหงๆ” คนขับเอ่ยเป็นเชิงค้านด้วยรักตัวกลัวตาย

“แต่สามีหนูอยู่ในรถคันข้างหน้า หนูเป็นห่วงเขาค่ะ ได้โปรดเถอะนะคะลุง”

หญิงสาวละล่ำละลักวิงวอน ขณะที่ตายังไม่ละจากภาพสุดระทึกตรงหน้า ส่วนคนขับแท็กซี่ก็ยอมที่จะหักเลี้ยวเข้าไปในซอยแคบๆ ตามหลังรถสองคันข้างหน้าไปอย่างห่างๆ เพราะห่วงความปลอดภัยของตัวเอง รถของมหรรณพกับคนร้ายวิ่งไล่บดอัดกันอยู่พักใหญ่ ปะทะและกระแทกกันก็หลายครั้ง กระทั่งมหรรณพเหยียบคันเร่งเพื่อทิ้งห่าง หากทว่าทางที่ทั้งแคบและขรุขระข้างหน้าก็ทำให้เขาไปได้ไม่ไกลมากนัก แถมยังต้องหลุดสบถหยาบคาย เมื่อมีรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่โผล่มาจากทางแยก มันจงใจพุ่งพรวดมาดักทาง จนต้องหักหลบ แต่ไม่พ้นเสาไฟ แล้วทันใดนั้นเสียงรถชนกันก็ดังสนั่นหวั่นไหว ตามมาด้วยเสียงปืนที่ยิงถล่มรถสปอร์ตหรูอีกหลายนัด

ตู้ม!!!

ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!

“คุณหวง!”

ปานระพีอุทานเสียงหลง ดวงตาเหลือกถลน ก่อนจะรีบบอกให้คนขับแท็กซี่หยุดรถ ลนลานควักเงินค่าโดยสารส่งให้อีกฝ่ายมือไม้สั่น แล้วรีบวิ่งลงจากรถไปยังจุดเกิดเหตุ

ทันทีที่ไปถึงปานระพีก็รีบพุ่งไปทางฝั่งคนขับ พร้อมตะโกนเรียกมหรรณพท่ามกลางสายฝน แต่สภาพรถที่พังยับเยินเพราะแรงอัดกระแทกกับเสาไฟจนเสาไฟขาดครึ่งทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจนสลบไป

“คุณหวง! ได้ยินแพรไหม! คุณหวง…ตอบหน่อย...”

เสียงสั่นระริกยังคงตะโกนเรียกสติเขาอย่างบ้าคลั่ง ขณะงัดร่างโชกเลือดออกมาจากรถด้วยสภาพทุลักทุเล เพราะนอกจากเขาจะตัวใหญ่ยักษ์แล้ว ประตูด้านคนขับยังถูกกระแทกจนบุบเข้าไปแทบไม่เหลือสภาพ

หลังจากจัดให้ร่างใหญ่นอนราบไปกับพื้นถนนริมฟุตปาธ เธอก็รีบฟุบหัวลงไปเอาหูแนบหน้าอกกว้างเพื่อฟังเสียงหัวใจเขา ก่อนจะตัวแข็งทื่อ เมื่อรับรู้ได้ว่าหัวใจของมหรรณพหยุดเต้น วินาทีถัดมาปานระพีก็รีบทำ CPR ด้วยการปั๊มหัวใจ โดยใช้มือกดบริเวณหน้าอกใต้ลิ้นปี่ 30 ครั้ง สลับกับการเป่าปาก

“คุณหวง! ฟื้นสิ! ได้ยินไหม…ฟื้นสิ!”

เธอทำทั้งสองอย่างสลับกันอยู่อย่างนั้น ขณะที่น้ำตาไหลพรากไม่ขาดสาย ส่วนปากก็ยังตะโกนอย่างบ้าคลั่งในจังหวะที่มือยังคงปั๊มหัวใจเขาไม่หยุดหย่อน

“ฟื้นสิ! คุณหวงฟื้น! แพรบอกให้ฟื้น!”

เวลาผ่านไปทุกวินาทีพร้อมกับสถานการณ์บีบคั้นหัวใจอย่างถึงที่สุด กระทั่งทนแรงกดดันไม่ไหวเธอก็แหงนหน้าปะทะสายฝนที่ยังคงโหมกระหน่ำ แล้วร้องไห้เสียงดังสนั่น ส่วนมือนั้นก็ยังคงกดหน้าอกกว้างปั๊มหัวใจ ครั้นเห็นว่าความพยายามไม่เป็นผล และตนก็กำลังจะหมดแรง มือสั่นเทาก็เขย่าร่างไร้สติพร้อมกรีดร้องประหนึ่งคนเสียสติ แล้วฟุบหน้าลงกับอกแกร่ง ร้องไห้สะอึกสะอื้นปานปิ่มจะขาดใจ

ทันใดนั้นปานระพีก็เบิกตาโพลง เมื่อหูแว่วได้ยินเสียงหัวใจอันแผ่วเบาของเขา ที่สุดมหรรณพก็กลับมาหายใจเองได้ ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่มีสติแต่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี

จากนั้นปานระพีก็เช็กสภาพร่างกายคนเจ็บ เขาเสียเลือดมากจากแรงกระแทก และมีบาดแผลในช่วงล่างหลายจุด ซึ่งโดนชิ้นส่วนของรถยนต์ทิ่มเข้า เธอรีบโทรเรียกรถหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน เพราะถึงแม้จะเป็นหมอแต่นอกจากปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้ว ปานระพีก็ไม่กล้าเสี่ยงทำอะไรมากไปกว่านั้น เนื่องจากไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือในเวลานี้ จึงไม่กล้าผลีผลามทำอะไรที่อาจจะเสี่ยงอันตราย เพราะดูจากสภาพแล้วกระดูกซี่โครงของคนเจ็บน่าจะหักหลายซี่ และอวัยวะภายในน่าจะได้รับความเสียหายหลายจุด จากนั้นจึงโทรแจ้งตำรวจ

“คะ…คุณหวง อย่าทิ้งแพรไปนะคะ ได้โปรดเถอะ…”

คนเสียขวัญเพราะหวาดกลัวการสูญเสียเอ่ยวิงวอนทั้งน้ำตา จากนั้นก็หันซ้ายแลขวาเพื่อที่จะขอความช่วยเหลือจากรถที่สัญจรไปมา แต่เหมือนโชคจะไม่เข้าข้าง เพราะฝนที่เอาแต่เทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา แล้วไหนจะยังเสาไฟส่องสว่างข้างทางที่ดับไปเพราะถูกรถสปอร์ตชนเข้าอย่างจัง

แต่แล้วความหวังของเธอก็เรืองรองขึ้นมา เมื่อหูแว่วได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์วิ่งตรงมาทางนี้ ปานระพีกำลังจะอ้าปากตะโกนขอความช่วยเหลือ หากว่าน้ำเสียงห้วนจัดจะไม่ดังขึ้น พร้อมกับการปรากฏตัวของชายฉกรรจ์สองคนที่ใส่หมวกบิดบังใบหน้า และสวมชุดสีดำอำพราง

“เวรล่ะ มีคนมาช่วยมันว่ะ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป